นโยบายและแผนการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย
ที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
ได้เห็นถึงความสำคัญต่อการพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัย
ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีอัตราของพัฒนาการที่สูง
เด็กที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูและพัฒนาอย่างถูกต้องในช่วงเวลานี้
เมื่อพ้นวัยแล้วโอกาสทองเช่นนี้จะไม่หวนกลับมาอีกเลย แต่ผลการประเมินพบ
ว่า หลายหน่วยงานที่จัดบริการสำหรับเด็กปฐมวัย
ยังต้องปรับปรุงคุณภาพในด้านการบริหารจัดการและมาตรฐานคุณภาพที่เหมาะ
สม และถูกต้องตามหลักวิชาอีกในหลาย ๆ ด้าน
จึงจำเป็นต้องดำเนินการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างเร่งด่วน การศึกษาในระดับนี้
เป็นการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมในทุก ๆ
ด้าน ให้เป็นพื้นฐานของชีวิตที่สมบูรณ์ และการส่งเสริมให้ชุมชนหรือสถาบัน
หรือองค์กรในท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันครอบครัว
มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาควบคู่ไปด้วย
นอกจากนี้นโยบายและแผนการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย ยังได้ระบุสภาพปัจจุบันและปัญหาต่าง ๆ เช่น
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 53 ระบุไว้ว่าเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่มีผู้ดูแล มีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาอบรมจากรัฐ มาตรา80 ระบุไว้ว่า รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน เสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวและชุมชน - หน่วยงานที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย มีทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ยังไม่สามารถจัดบริการได้ตรอบคลุมทั่งถึงทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ขาดการประสานงานและไม่มีเอกภาพของนโยบาย -ขาดการประบูรณาการที่มี ประสิทธิภาพ - ผลการประเมินการจัดบริการพัฒนาเด็ก 3-5 ปี พบว่าด้วยคุณภาพทั้งในด้านการบริหารและจัดการ ขาดคุณภาพในเรื่องวิธีการเรียนรู้ของเด็ก เช่น การเร่งสอนอ่าน เขียน คิดเลข เพื่อให้สอบเข้าชั้นป.1 -ขาดการให้ความรู้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างทั่วถึง -ขาดการฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง -ขาดการทอนแผน ไปสู่การปฏิบัติ ฯลฯ
ยุทธศาสตร์ : เด็กปฐมวัย -เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ใช้หลักการบ้านเป็นฐานในการเลี้ยงดู ( home based approach )-เด็กอายุ 3-5 ปี ให้ผู้ดูแลเด็กมีลักษณะเป็นมืออาชีพ และร่วมมือกับพ่อแม่ ผู้ปกครองและครอบครัว -การพัฒนาที่ดีและมีคุณภาพต้องมีระบบการส่งต่อเพื่อ เชื่อมโยงจากบ้านไปศูนย์พัฒนาเด็กหรือโรงเรียนงเรียน - การพัฒนาความรู้และ ทักษะแก่ผู้ที่เกียวข้องกับเด็ก -การสร้างความพร้อมให้ชุมชนและท้องถิ่น
เงื่อนไขสู่ความเร็จ -รัฐประกาศนโยบายที่ชัดเจน ในการจัดสรรงบประมาณ การพัฒนาเด็กโดยถือเป็นการลงทุนที่สำคัญ -ทุกส่วนต้องตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาเด็กอายุ 0-5 ปี และเห็นความจำเป็นในการวางรากฐานที่มั่นคงต่อชีวิต -ต้องมีความร่วมมือกัน อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องในทุกส่วนของสังคม -ต้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติ การที่มีรายละเอียดพร้อมทั้งกำหนดตัวบ่งชี้และติดตามผล -กำหนดมาตรฐานของ การพัฒนาเด็กปฐมวัยและมีการประเมินผลอย่างครบวงจร
นั่นเพราะชีวิตที่มีคุณภาพต้องเริ่มตั้งแต่เด็กกำเนิดขึ้นมาในครรถ์มารดา ด้วยการมีภาวะโภชนาการที่สมบูรณ์ ครอบครัวมีความพร้อม และพัฒนาต่อยอดมาถึงโรงเรียน หรือ สถานศึกษาต่าง ๆ การเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเด็กทุกคน เช่นเดียวกับต้นกล้าที่มีคุณภาพย่อมเกิดจากเมล็ดพันธ์ที่ดี และสภาพแวดล้อมที่อำนวยตั้งแต่ยังเล็ก หากเพราะรอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้วนั้นเอง
ปฐมวัยเป็นช่วงวัยที่น่ารักที่สุดของเด็ก หากผู้ใหญ่รักอย่างเข้าใจ รู้ถึงความต้องการ มีเทคนิคการควบคุมที่ดี เด็กทุกคนก็พร้อมจะเชื่อฟังและพัฒนาศักยภาพตามวัยอย่างสนุกสนานและมี คุณภาพ ลองมองในจุดดี หาจุดเด่นของเด็ก และหาวิธีการที่เหมาะสมให้เกิดขึ้น ไม้ที่ยังอ่อนทุกต้นก็จะสามารถดัดได้ตามต้องการแต่คำถามที่ยังคงส่งสัยนั้น คือ เราตระหนักและเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กตั้งแต่เริ่มต้น มากกว่าการตามแก้ปัญหาในวัยอื่น ๆ แล้วหรือยัง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ภาณุพร พงศ์สุวรรณ
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 53 ระบุไว้ว่าเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่มีผู้ดูแล มีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาอบรมจากรัฐ มาตรา80 ระบุไว้ว่า รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน เสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวและชุมชน - หน่วยงานที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย มีทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ยังไม่สามารถจัดบริการได้ตรอบคลุมทั่งถึงทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ขาดการประสานงานและไม่มีเอกภาพของนโยบาย -ขาดการประบูรณาการที่มี ประสิทธิภาพ - ผลการประเมินการจัดบริการพัฒนาเด็ก 3-5 ปี พบว่าด้วยคุณภาพทั้งในด้านการบริหารและจัดการ ขาดคุณภาพในเรื่องวิธีการเรียนรู้ของเด็ก เช่น การเร่งสอนอ่าน เขียน คิดเลข เพื่อให้สอบเข้าชั้นป.1 -ขาดการให้ความรู้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างทั่วถึง -ขาดการฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง -ขาดการทอนแผน ไปสู่การปฏิบัติ ฯลฯ
ยุทธศาสตร์ : เด็กปฐมวัย -เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ใช้หลักการบ้านเป็นฐานในการเลี้ยงดู ( home based approach )-เด็กอายุ 3-5 ปี ให้ผู้ดูแลเด็กมีลักษณะเป็นมืออาชีพ และร่วมมือกับพ่อแม่ ผู้ปกครองและครอบครัว -การพัฒนาที่ดีและมีคุณภาพต้องมีระบบการส่งต่อเพื่อ เชื่อมโยงจากบ้านไปศูนย์พัฒนาเด็กหรือโรงเรียนงเรียน - การพัฒนาความรู้และ ทักษะแก่ผู้ที่เกียวข้องกับเด็ก -การสร้างความพร้อมให้ชุมชนและท้องถิ่น
เงื่อนไขสู่ความเร็จ -รัฐประกาศนโยบายที่ชัดเจน ในการจัดสรรงบประมาณ การพัฒนาเด็กโดยถือเป็นการลงทุนที่สำคัญ -ทุกส่วนต้องตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาเด็กอายุ 0-5 ปี และเห็นความจำเป็นในการวางรากฐานที่มั่นคงต่อชีวิต -ต้องมีความร่วมมือกัน อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องในทุกส่วนของสังคม -ต้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติ การที่มีรายละเอียดพร้อมทั้งกำหนดตัวบ่งชี้และติดตามผล -กำหนดมาตรฐานของ การพัฒนาเด็กปฐมวัยและมีการประเมินผลอย่างครบวงจร
นั่นเพราะชีวิตที่มีคุณภาพต้องเริ่มตั้งแต่เด็กกำเนิดขึ้นมาในครรถ์มารดา ด้วยการมีภาวะโภชนาการที่สมบูรณ์ ครอบครัวมีความพร้อม และพัฒนาต่อยอดมาถึงโรงเรียน หรือ สถานศึกษาต่าง ๆ การเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเด็กทุกคน เช่นเดียวกับต้นกล้าที่มีคุณภาพย่อมเกิดจากเมล็ดพันธ์ที่ดี และสภาพแวดล้อมที่อำนวยตั้งแต่ยังเล็ก หากเพราะรอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้วนั้นเอง
ปฐมวัยเป็นช่วงวัยที่น่ารักที่สุดของเด็ก หากผู้ใหญ่รักอย่างเข้าใจ รู้ถึงความต้องการ มีเทคนิคการควบคุมที่ดี เด็กทุกคนก็พร้อมจะเชื่อฟังและพัฒนาศักยภาพตามวัยอย่างสนุกสนานและมี คุณภาพ ลองมองในจุดดี หาจุดเด่นของเด็ก และหาวิธีการที่เหมาะสมให้เกิดขึ้น ไม้ที่ยังอ่อนทุกต้นก็จะสามารถดัดได้ตามต้องการแต่คำถามที่ยังคงส่งสัยนั้น คือ เราตระหนักและเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กตั้งแต่เริ่มต้น มากกว่าการตามแก้ปัญหาในวัยอื่น ๆ แล้วหรือยัง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ภาณุพร พงศ์สุวรรณ
นโยบายและแผนการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย
ที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
ได้เห็นถึงความสำคัญต่อการพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัย
ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีอัตราของพัฒนาการที่สูง
เด็กที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูและพัฒนาอย่างถูกต้องในช่วงเวลานี้
เมื่อพ้นวัยแล้วโอกาสทองเช่นนี้จะไม่หวนกลับมาอีกเลย แต่ผลการประเมินพบ
ว่า หลายหน่วยงานที่จัดบริการสำหรับเด็กปฐมวัย
ยังต้องปรับปรุงคุณภาพในด้านการบริหารจัดการและมาตรฐานคุณภาพที่เหมาะ
สม และถูกต้องตามหลักวิชาอีกในหลาย ๆ ด้าน
จึงจำเป็นต้องดำเนินการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างเร่งด่วน การศึกษาในระดับนี้
เป็นการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมในทุก ๆ
ด้าน ให้เป็นพื้นฐานของชีวิตที่สมบูรณ์ และการส่งเสริมให้ชุมชนหรือสถาบัน
หรือองค์กรในท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันครอบครัว
มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาควบคู่ไปด้วย
นอกจากนี้นโยบายและแผนการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย ยังได้ระบุสภาพปัจจุบันและปัญหาต่าง ๆ เช่น
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 53 ระบุไว้ว่าเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่มีผู้ดูแล มีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาอบรมจากรัฐ มาตรา80 ระบุไว้ว่า รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน เสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวและชุมชน - หน่วยงานที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย มีทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ยังไม่สามารถจัดบริการได้ตรอบคลุมทั่งถึงทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ขาดการประสานงานและไม่มีเอกภาพของนโยบาย -ขาดการประบูรณาการที่มี ประสิทธิภาพ - ผลการประเมินการจัดบริการพัฒนาเด็ก 3-5 ปี พบว่าด้วยคุณภาพทั้งในด้านการบริหารและจัดการ ขาดคุณภาพในเรื่องวิธีการเรียนรู้ของเด็ก เช่น การเร่งสอนอ่าน เขียน คิดเลข เพื่อให้สอบเข้าชั้นป.1 -ขาดการให้ความรู้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างทั่วถึง -ขาดการฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง -ขาดการทอนแผน ไปสู่การปฏิบัติ ฯลฯ
ยุทธศาสตร์ : เด็กปฐมวัย -เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ใช้หลักการบ้านเป็นฐานในการเลี้ยงดู ( home based approach )-เด็กอายุ 3-5 ปี ให้ผู้ดูแลเด็กมีลักษณะเป็นมืออาชีพ และร่วมมือกับพ่อแม่ ผู้ปกครองและครอบครัว -การพัฒนาที่ดีและมีคุณภาพต้องมีระบบการส่งต่อเพื่อ เชื่อมโยงจากบ้านไปศูนย์พัฒนาเด็กหรือโรงเรียนงเรียน - การพัฒนาความรู้และ ทักษะแก่ผู้ที่เกียวข้องกับเด็ก -การสร้างความพร้อมให้ชุมชนและท้องถิ่น
เงื่อนไขสู่ความเร็จ -รัฐประกาศนโยบายที่ชัดเจน ในการจัดสรรงบประมาณ การพัฒนาเด็กโดยถือเป็นการลงทุนที่สำคัญ -ทุกส่วนต้องตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาเด็กอายุ 0-5 ปี และเห็นความจำเป็นในการวางรากฐานที่มั่นคงต่อชีวิต -ต้องมีความร่วมมือกัน อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องในทุกส่วนของสังคม -ต้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติ การที่มีรายละเอียดพร้อมทั้งกำหนดตัวบ่งชี้และติดตามผล -กำหนดมาตรฐานของ การพัฒนาเด็กปฐมวัยและมีการประเมินผลอย่างครบวงจร
นั่นเพราะชีวิตที่มีคุณภาพต้องเริ่มตั้งแต่เด็กกำเนิดขึ้นมาในครรถ์มารดา ด้วยการมีภาวะโภชนาการที่สมบูรณ์ ครอบครัวมีความพร้อม และพัฒนาต่อยอดมาถึงโรงเรียน หรือ สถานศึกษาต่าง ๆ การเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเด็กทุกคน เช่นเดียวกับต้นกล้าที่มีคุณภาพย่อมเกิดจากเมล็ดพันธ์ที่ดี และสภาพแวดล้อมที่อำนวยตั้งแต่ยังเล็ก หากเพราะรอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้วนั้นเอง
ปฐมวัยเป็นช่วงวัยที่น่ารักที่สุดของเด็ก หากผู้ใหญ่รักอย่างเข้าใจ รู้ถึงความต้องการ มีเทคนิคการควบคุมที่ดี เด็กทุกคนก็พร้อมจะเชื่อฟังและพัฒนาศักยภาพตามวัยอย่างสนุกสนานและมี คุณภาพ ลองมองในจุดดี หาจุดเด่นของเด็ก และหาวิธีการที่เหมาะสมให้เกิดขึ้น ไม้ที่ยังอ่อนทุกต้นก็จะสามารถดัดได้ตามต้องการแต่คำถามที่ยังคงส่งสัยนั้น คือ เราตระหนักและเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กตั้งแต่เริ่มต้น มากกว่าการตามแก้ปัญหาในวัยอื่น ๆ แล้วหรือยัง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ภาณุพร พงศ์สุวรรณ
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 53 ระบุไว้ว่าเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่มีผู้ดูแล มีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาอบรมจากรัฐ มาตรา80 ระบุไว้ว่า รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน เสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวและชุมชน - หน่วยงานที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย มีทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ยังไม่สามารถจัดบริการได้ตรอบคลุมทั่งถึงทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ขาดการประสานงานและไม่มีเอกภาพของนโยบาย -ขาดการประบูรณาการที่มี ประสิทธิภาพ - ผลการประเมินการจัดบริการพัฒนาเด็ก 3-5 ปี พบว่าด้วยคุณภาพทั้งในด้านการบริหารและจัดการ ขาดคุณภาพในเรื่องวิธีการเรียนรู้ของเด็ก เช่น การเร่งสอนอ่าน เขียน คิดเลข เพื่อให้สอบเข้าชั้นป.1 -ขาดการให้ความรู้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างทั่วถึง -ขาดการฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง -ขาดการทอนแผน ไปสู่การปฏิบัติ ฯลฯ
ยุทธศาสตร์ : เด็กปฐมวัย -เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ใช้หลักการบ้านเป็นฐานในการเลี้ยงดู ( home based approach )-เด็กอายุ 3-5 ปี ให้ผู้ดูแลเด็กมีลักษณะเป็นมืออาชีพ และร่วมมือกับพ่อแม่ ผู้ปกครองและครอบครัว -การพัฒนาที่ดีและมีคุณภาพต้องมีระบบการส่งต่อเพื่อ เชื่อมโยงจากบ้านไปศูนย์พัฒนาเด็กหรือโรงเรียนงเรียน - การพัฒนาความรู้และ ทักษะแก่ผู้ที่เกียวข้องกับเด็ก -การสร้างความพร้อมให้ชุมชนและท้องถิ่น
เงื่อนไขสู่ความเร็จ -รัฐประกาศนโยบายที่ชัดเจน ในการจัดสรรงบประมาณ การพัฒนาเด็กโดยถือเป็นการลงทุนที่สำคัญ -ทุกส่วนต้องตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาเด็กอายุ 0-5 ปี และเห็นความจำเป็นในการวางรากฐานที่มั่นคงต่อชีวิต -ต้องมีความร่วมมือกัน อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องในทุกส่วนของสังคม -ต้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติ การที่มีรายละเอียดพร้อมทั้งกำหนดตัวบ่งชี้และติดตามผล -กำหนดมาตรฐานของ การพัฒนาเด็กปฐมวัยและมีการประเมินผลอย่างครบวงจร
นั่นเพราะชีวิตที่มีคุณภาพต้องเริ่มตั้งแต่เด็กกำเนิดขึ้นมาในครรถ์มารดา ด้วยการมีภาวะโภชนาการที่สมบูรณ์ ครอบครัวมีความพร้อม และพัฒนาต่อยอดมาถึงโรงเรียน หรือ สถานศึกษาต่าง ๆ การเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเด็กทุกคน เช่นเดียวกับต้นกล้าที่มีคุณภาพย่อมเกิดจากเมล็ดพันธ์ที่ดี และสภาพแวดล้อมที่อำนวยตั้งแต่ยังเล็ก หากเพราะรอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้วนั้นเอง
ปฐมวัยเป็นช่วงวัยที่น่ารักที่สุดของเด็ก หากผู้ใหญ่รักอย่างเข้าใจ รู้ถึงความต้องการ มีเทคนิคการควบคุมที่ดี เด็กทุกคนก็พร้อมจะเชื่อฟังและพัฒนาศักยภาพตามวัยอย่างสนุกสนานและมี คุณภาพ ลองมองในจุดดี หาจุดเด่นของเด็ก และหาวิธีการที่เหมาะสมให้เกิดขึ้น ไม้ที่ยังอ่อนทุกต้นก็จะสามารถดัดได้ตามต้องการแต่คำถามที่ยังคงส่งสัยนั้น คือ เราตระหนักและเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กตั้งแต่เริ่มต้น มากกว่าการตามแก้ปัญหาในวัยอื่น ๆ แล้วหรือยัง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ภาณุพร พงศ์สุวรรณ
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 53 ระบุไว้ว่าเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่มีผู้ดูแล มีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาอบรมจากรัฐ มาตรา80 ระบุไว้ว่า รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน เสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวและชุมชน - หน่วยงานที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย มีทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ยังไม่สามารถจัดบริการได้ตรอบคลุมทั่งถึงทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ขาดการประสานงานและไม่มีเอกภาพของนโยบาย -ขาดการประบูรณาการที่มี ประสิทธิภาพ - ผลการประเมินการจัดบริการพัฒนาเด็ก 3-5 ปี พบว่าด้วยคุณภาพทั้งในด้านการบริหารและจัดการ ขาดคุณภาพในเรื่องวิธีการเรียนรู้ของเด็ก เช่น การเร่งสอนอ่าน เขียน คิดเลข เพื่อให้สอบเข้าชั้นป.1 -ขาดการให้ความรู้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างทั่วถึง -ขาดการฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง -ขาดการทอนแผน ไปสู่การปฏิบัติ ฯลฯ
ยุทธศาสตร์ : เด็กปฐมวัย -เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ใช้หลักการบ้านเป็นฐานในการเลี้ยงดู ( home based approach )-เด็กอายุ 3-5 ปี ให้ผู้ดูแลเด็กมีลักษณะเป็นมืออาชีพ และร่วมมือกับพ่อแม่ ผู้ปกครองและครอบครัว -การพัฒนาที่ดีและมีคุณภาพต้องมีระบบการส่งต่อเพื่อ เชื่อมโยงจากบ้านไปศูนย์พัฒนาเด็กหรือโรงเรียนงเรียน - การพัฒนาความรู้และ ทักษะแก่ผู้ที่เกียวข้องกับเด็ก -การสร้างความพร้อมให้ชุมชนและท้องถิ่น
เงื่อนไขสู่ความเร็จ -รัฐประกาศนโยบายที่ชัดเจน ในการจัดสรรงบประมาณ การพัฒนาเด็กโดยถือเป็นการลงทุนที่สำคัญ -ทุกส่วนต้องตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาเด็กอายุ 0-5 ปี และเห็นความจำเป็นในการวางรากฐานที่มั่นคงต่อชีวิต -ต้องมีความร่วมมือกัน อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องในทุกส่วนของสังคม -ต้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติ การที่มีรายละเอียดพร้อมทั้งกำหนดตัวบ่งชี้และติดตามผล -กำหนดมาตรฐานของ การพัฒนาเด็กปฐมวัยและมีการประเมินผลอย่างครบวงจร
นั่นเพราะชีวิตที่มีคุณภาพต้องเริ่มตั้งแต่เด็กกำเนิดขึ้นมาในครรถ์มารดา ด้วยการมีภาวะโภชนาการที่สมบูรณ์ ครอบครัวมีความพร้อม และพัฒนาต่อยอดมาถึงโรงเรียน หรือ สถานศึกษาต่าง ๆ การเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเด็กทุกคน เช่นเดียวกับต้นกล้าที่มีคุณภาพย่อมเกิดจากเมล็ดพันธ์ที่ดี และสภาพแวดล้อมที่อำนวยตั้งแต่ยังเล็ก หากเพราะรอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้วนั้นเอง
ปฐมวัยเป็นช่วงวัยที่น่ารักที่สุดของเด็ก หากผู้ใหญ่รักอย่างเข้าใจ รู้ถึงความต้องการ มีเทคนิคการควบคุมที่ดี เด็กทุกคนก็พร้อมจะเชื่อฟังและพัฒนาศักยภาพตามวัยอย่างสนุกสนานและมี คุณภาพ ลองมองในจุดดี หาจุดเด่นของเด็ก และหาวิธีการที่เหมาะสมให้เกิดขึ้น ไม้ที่ยังอ่อนทุกต้นก็จะสามารถดัดได้ตามต้องการแต่คำถามที่ยังคงส่งสัยนั้น คือ เราตระหนักและเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กตั้งแต่เริ่มต้น มากกว่าการตามแก้ปัญหาในวัยอื่น ๆ แล้วหรือยัง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ภาณุพร พงศ์สุวรรณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น