เลี้ยงลูกอย่างไรให้ฉลาด ตอน ม้าตีนปลาย
ถ้าลูกเรียนไม่เก่ง อ่านไม่ออก เมื่อชั้นอนุบาลหรือ ป 1 ท่านจะทำอย่างไร?
หมอจะเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ขอ งหมอและลูกหมอเองให้ฟังเพื่อแลกเปลี่ยนประส บการณ์และข้อคิดกับผู้อ่านทุกท่ าน ถ้าเป็นกรณีลูกของคุณ คุณจะทำอย่างไร?
ลูกชายคนโต เรียนโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งที ่เน้นการเลี้ยงดูเด็ก สอนเด็กให้ช่วยเหลือตัวเอง เข้าสังคมเล่นกับเพื่อน ไม่เน้นการเรียนการสอนหนังสือให ้อ่านออกเขียนได้หรือแม้กระทั่ง การบวกเลข ไม่ว่าจะเป็นเลขหนึ่งหลักหรือสอ งหลักก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อลูกหมอเริ่มเข้ าโรงเรียนชั้นประถม 1 อ่านหนังสือเป็นคำไม่ได้เลย อ่านวันที่ที่ครูจดบนกระดานไม่ไ ด้ อ่านได้แต่ ก .. ไก่ ข.. ไข่ ค... ควาย หรือคำง่ายๆ เช่น กา ขา เป็นต้น ในขณะที่เด็กคนอื่นส่วนมากอ่านอ อกและบวกเลขได้แล้ว ถ้าคุณเป็นตัวหมอ คุณคิดว่าคุณควรทำอย่างไร
1)จ้างครูมาสอนพิเศษตัวต่อตัว
หรือ 2)ส่งลูกไปเรียนพิเศษ และทำการบ้านเพิ่มเติม
หรือ 3) ติวและสอนหนังสือลูกด้วยตัวเองอ ย่างเข้มข้นเพื่อให้ลูกเรียนทัน เพื่อน
ถ้าคุณตอบข้อ 1, 2 หรือ 3 ข้อใดข้อหนึ่งคุณคิด ........ผิดครับ เพราะหมอแน่ใจในตัวลูกหมอว่าไม่ โง่แน่นอน (ถ้าคุณผู้อ่านยังจำได้ คนเราจะฉลาดหรือไม่ขึ้นอยู่กับพ ันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมครับ) หมอจึงปล่อยให้ลูกเรียนอย่างสบา ยตามปกติ ไม่มีการติวหรือเรียนพิเศษ เพียงแต่ให้ทำการบ้านตามที่คุณค รูสั่ง หมอมีหน้าที่ตรวจว่าลูกทำการบ้า นคร
บและถูกต้องเพียงเท่านั้น เสาร์อาทิตย์เป็นวันครอบครัว เป็นวันพักผ่อน
พาไปเที่ยวเขาดินแทบทุกอาทิตย์ ไม่มีการส่งลูกไปเรียนพิเศษตั้ง แต่เช้าจรดเย็นอย่างที่หลายคนทำ กันอยู่ ถึงเวลาสอบเทอมแรกลูกหมอยังอ่าน หนังสือไม่คล่อง เวลาสอบลูกเล่าว่าต้องให้คุณครู ยืนอยู่ข้างๆ อ่านโจทย์ให้ฟังแล้วให้ลูกเลือก คำ
ตอบเอง ผลการสอบเทอมแรกลูกหมอได้ที่ 29 จาก 30 คน อ่านไม่ผิดหรอกครับ
ได้ที่ 2 จากท้ายห้อง น่าตกใจไหมครับ? ถึงตอนนี้ถ้าคุณเป็นตัวหมอ
คุณจะทำอย่างไร?
1)จ้างครูมาสอนพิเศษตัวต่อตัว
หรือ 2) ส่งลูกไปเรียนพิเศษและทำการบ้าน เพิ่มเติม
หรือ 3) สอนหนังสือลูกด้วยตัวเองอย่างเข ้มข้นเพื่อให้ลูกสอบดีขึ้น
ถ้าคุณตอบข้อ 1 , 2 หรือ 3 ข้อใดข้อหนึ่ง คุณตอบ........ผิดครับ ปิดเทอมหมอส่งลูกไปอยู่กับอาม่า (แม่ของหมอ)ที่กาญจนบุรี ไปใช้ชีวิตเรียนรู้ธรรมชาติต่าง จังหวัด เปิดเทอมจึงไปรับกลับมาเรียนตาม ปกติ ไม่มีการสอนหรือเรียนพิเศษเพิ่ม เติมเหมือนเทอมแรก ผลการสอบเทอมปลาย ลูกหมอเริ่มอ่านหนังสือได้คล่อง สอบได้ที่ประมาณ 22 – 23 ของห้อง ปิดเทอมใหญ่ก็ไปอยู่กับอาม่าที่ ต่างจังหวัดเหมือนเคยจนเปิดเทอม กลับมาเรียน ป.2 ลูกไปเรียนตามปกติ ทุกอย่างยังทำเหมือนเดิม หมอเพียงตรวจการบ้านว่าทำครบและ ถูกต้อง ผลการสอบปรากฏว่าลูกค่อยๆ ดีขึ้นจนประมาณ ป . 3 ก็เริ่มเห็นว่าลูกทันเพื่อนในชั ้นแล้ว แต่เกรดการสอบก็อยู่ในเกณฑ์เฉลี ่ยปานกลางของห้อง จะมาเริ่มเห็นว่าลูกเริ่มเก่งปร ะมาณ
ม. 1 พอถึง ม. 3 หมอก็แน่ใจว่าลูกเก่งพอสมควร สอบได้เกรด 3 กว่า พอ ม.
4 – ม. 6 ผลการสอบก็ดีขึ้นตามลำดับ จนสามารถสอบเข้าเรียนแพทย์ได้
จากเด็กที่อ่านหนังสือไม่ออก สอบได้ที่ท้ายสุดของห้อง
ปัจจุบันเรียนจบเป็นหมออายุรกรร มโรคหัวใจแล้วครับ
ลูกคนที่ 2 ก็เหมือนกัน ตอนเข้าเรียนชั้นประถม 1 อ่านไม่ออก เขียนเป็นคำไม่ได้ ปรากฏว่าโรงเรียนมีโครงการทดลอง จับ
เด็กเรียนอ่อนทั้งหมด 40 กว่าคนรวมอยู่ห้องเดียวกัน ให้ครูประจำชั้น 2
คนดูแล สอนติวพิเศษตอนเย็นทุกวัน ครูสั่งการบ้านเยอะแยะไปหมด เช่นเลข 10
ข้อ แต่ละข้อจะมี 10 ข้อย่อย รวมเป็น 100 ข้อต่อครั้ง
ตอนเย็นพ่อแม่ต้องมานั่งรอกันเต ็มหน้าห้องทุกวัน หลายคนเป็นทุกข์กังวลใจมากและนั ่งคุยปรับทุกข์กันเอง ส่วนหมอนั้นชินเสียแล้ว เพราะประสบการณ์จากลูกคนแรกสอนว ่าถ้าลูกเรานั้นใช้ได้ เริ่มต้นถึงจะช้ากว่า แต่ท้ายที่สุดก็จะสามารถทันเพื่ อนได้โดยตัวเขาเอง โดยไม่ต้องเร่งเรียนพิเศษ ผลการสอนปรากฏว่าเย็นวันหนึ่ง หมอไปถึงหน้าห้อง เห็นห้องปิดหมดทั้งประตูและหน้า ต่าง ปิดไฟมืดและเงียบ พ่อแม่นั่งรอคอยกันเต็มหน้าห้อง เหมือนทุกวัน ถามได้ความว่าครูทนไม่ไหว ในความเป็นเด็กอ่อนของนักเรียนท ั้งห้อง ซนมาก ไม่สนใจเรียน ไม่ยอมนั่งเรียน เดิน วิ่งไม่ฟังครู จนครูทนไม่ไหว ร้องไห้ ปิดประตูหน้าต่างรวมทั้งไฟและพั ดลม ปล่อยให้เด็กนั่งนิ่งเงียบอยู่ใ นห้อง เป็นการทำโทษ สักพักจึงปล่อยกลับบ้าน ทำเอาพ่อแม่ใจเสียกันแทบทุกคน ยกเว้นหมอคนเดียวที่มีประสบการณ ์มาแล้ว จึงรู้สึกเฉยๆ เพราะสังเกตเห็นและคิดว่าลูกเรา นั้นใช้ได้ โตขึ้นก็จะเก่งและดีขึ้นได้โดยต ัวเขาเองเหมือนพี่ของเขาเช่นเดี ยวกัน ช่วงเสาร์อาทิตย์ก็เป็นวันครอบค รัว พาลูกไปเที่ยวเล่นตามประสาเด็ก เที่ยวเขาดินเหมือนเดิม ปิดเทอมลูกคนเล็กก็ไปอยู่กับอาม ่าพร้อมพี่ชาย ผลการสอบของลูกคนเล็กเป็นไปตามค าด
ปีแรกๆคล้ายพี่ชาย แต่ผลการเรียนก็ดีขึ้นตามลำดับ ถึง ม.3
ก็เห็นชัดว่าเขาเรียนใช้ได้ สอบเข้าเรียนได้คณะวิศวะจุฬาฯ จนจบทำงาน 3 ปี
แล้วได้ทุนจากธนาคารแห่งหนึ่ง ไปเรียนจบปริญญาโทบริหารธุรกิจ ( MBA)
ประเทศสหรัฐอมริกา และกลับมาทำงานที่ธนาคารแห่งนั้ นอยู่ในขณะนี้
จากประสบการณ์ที่ได้จากลูกทั้ง2 คนที่ผ่านมา หมอจึงไม่แน่ใจว่าการเรียนพิเศษ การติวนั้นจะช่วยให้ลูกเรียนเก่ งขึ้น ฉลาดขึ้นในระยะยาวได้จริงอย่างท ี่หลายคนตั้งความหวังไว้หรือไม่ ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหมอส่งลูกไปเร ียนพิเศษ ติวอย่างเข้มข้น ลูกจะเรียนเก่งสอบเอนทรานซ์ได้ด ีกว่านี้หรือไม่? แต่หมอแน่ใจอยู่เรื่องหนึ่งว่า การเคี่ยวเข็ญให้เด็กเรียนหนักท ั้งที่เด็กไม่พร้อม ศักยภาพไม่เพียงพอ แทนที่จะช่วยส่งเสริมเด็ก หมอคิดว่ากลับจะทำให้เด็กเหนื่อ ยเกินไป รู้สึกล้าและเบื่อการเรียน จนโตขึ้นเป็นคนที่ไม่อยากเรียนร ู้ ไม่สนใจเรียนเพิ่มเติม ไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง เรียนได้แต่ในห้อง ค้นคว้าเรียนเองไม่ได้ คิดเองไม่เป็นและทำงานไม่เป็น การยัดเยียดให้เด็กเรียนจนเต็มส มอง จนสมองไม่มีที่ว่างพอที่จะเติมห รือใส่อะไรลงไปได้อีกเมื่อโตขึ้ นไม่น่าจะเป็นผลดีต่อตัวเด็ก ถ้าเปรียบเหมือนม้าแข่ง การเฆี่ยนม้าให้วิ่งเต็มที่อยู่ ตลอด
เวลา โดยที่โค้ชไม่รู้จัก ไม่เข้าใจสภาพและศักยภาพของม้า ไม่มีผ่อนหนัก
ผ่อนเบา จนม้าหมดแรง หมดสภาพ ก็มีแต่จะพ่ายแพ้ เหมือนม้าตีนต้น
สู้รู้จักผ่อนหนัก ผ่อนเบา ถนอมม้า แล้วเร่งเมื่อถึงเวลา
ก็จะเข้าสู่เส้นชัย เปรียบเหมือนม้าตีนปลายน่าจะได้ ผลดีกว่า
ขอให้มีความสุข และสนุกกับการเลี้ยงลูกนะครับ
ถ้าลูกเรียนไม่เก่ง อ่านไม่ออก เมื่อชั้นอนุบาลหรือ ป 1 ท่านจะทำอย่างไร?
หมอจะเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ขอ
ลูกชายคนโต เรียนโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งที
1)จ้างครูมาสอนพิเศษตัวต่อตัว
หรือ 2)ส่งลูกไปเรียนพิเศษ และทำการบ้านเพิ่มเติม
หรือ 3) ติวและสอนหนังสือลูกด้วยตัวเองอ
ถ้าคุณตอบข้อ 1, 2 หรือ 3 ข้อใดข้อหนึ่งคุณคิด ........ผิดครับ เพราะหมอแน่ใจในตัวลูกหมอว่าไม่
1)จ้างครูมาสอนพิเศษตัวต่อตัว
หรือ 2) ส่งลูกไปเรียนพิเศษและทำการบ้าน
หรือ 3) สอนหนังสือลูกด้วยตัวเองอย่างเข
ถ้าคุณตอบข้อ 1 , 2 หรือ 3 ข้อใดข้อหนึ่ง คุณตอบ........ผิดครับ ปิดเทอมหมอส่งลูกไปอยู่กับอาม่า
ลูกคนที่ 2 ก็เหมือนกัน ตอนเข้าเรียนชั้นประถม 1 อ่านไม่ออก เขียนเป็นคำไม่ได้ ปรากฏว่าโรงเรียนมีโครงการทดลอง
จากประสบการณ์ที่ได้จากลูกทั้ง2
ขอให้มีความสุข และสนุกกับการเลี้ยงลูกนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น