วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

พัฒนาการด้านการอ่าน (Reading Stage)

โดย มณฑิกา รัตนเรืองศิลป์ (นักกิจกรรมบำบัดประจำศูนย์ฯ)
http://www.iamsmartkids.com 
พัฒนาการด้านการอ่าน (Reading Stage)
วัยเด็กทารก (อายุ -1 ปี)
  • เด็กมักจะเริ่ม : มีการเลียนแบบเสียงจากที่พวกเขาได้ยิน
  • มีการตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วย
  • ใช้การดูรูปภาพ
  • พยายามที่จะเอื้อมหยิบหนังสือและเปลี่ยนหน้ากระดาษต้องมีคนช่วยเหลือ
  • ตอบสนองต่อเนื้อเรื่องและรูปภาพโดยมีการเปล่งเสียงและตบมือ
วัยเตาะแตะ ( อายุ 1-3 ปี)
  • เด็กมักจะเริ่ม : ตอบคำถามเกี่ยวกับวัตถุที่มีอยู่ในหนังสือได้ เช่น “วัวอยู่ที่ไหน” หรือ “วัวร้องอย่างไร”
  • บอกชื่อภาพที่คุ้นเคยได้
  • ชี้บอกชื่อวัตถุได้อย่างถูกต้อง
  • แสร้งทำเหมือนอ่านหนังสือได้
  • บอกเนื้อหาตอนจบของหนังสือที่เค้ารู้จักเป็นอย่างดีได้
  • มีการขีดเขียนลงบนกระดาษ
  • ทราบชื่อหนังสือและสามารถระบุภาพบนปกหนังสือได้
  • เปลี่ยนหน้ากระดาษได้ด้วยตนเอง
  • มีหนังสือเล่มโปรดและขอให้อ่านบ่อย
วัยก่อนอนุบาล (อายุ 3 ปี)
  • เด็กมักจะเริ่ม : ค้นหาหนังสือด้วยตนเอง
  • ฟังเรื่องราวที่มีความยาวได้และมีการอ่านออกเสียงตาม
  • อยากฟังนิทานเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา
  • สามารถอ่านตัวอักษรได้
  • เริ่มร้องเพลงตัวอักษรที่มีการชี้แนะหรือบอกแนวทางได้
  • มีการวาดสัญลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับการเขียน
  • แสดงท่าทางเลียนแบบการอ่านหนังสือแบบออกเสียงได้
วัยเตรียมอนุบาล (อายุ 4 ปี)
  • เด็กมักจะเริ่ม : รู้จักคุ้นเคยกับสัญลักษณ์และป้ายเครื่องหมาย โดยเฉพาะสัญลักษณ์กับภาชนะที่ใส่
  • สร้างคำที่มีเสียงสอดคล้องกันได้
  • จดจำและเขียนตัวอักษรบางตัวได้
  • บอกชื่อตัวอักษรหรือออกเสียงคำขึ้นต้นได้
  • จับคู่ตัวอักษรให้ตรงกับเสียงของตัวอักษรได้
  • นำตัวอักษรที่คุ้นเคยมาลองเขียนให้เป็นคำ
 
วัยอนุบาล (อายุ 5 ปี)
  • เด็กมักจะเริ่ม : เข้าใจเสียงที่สอดคล้องกันและสามารถเล่นเกมส์เติมเสียงที่สอดคล้องกันได้
  • จับคู่คำตามคำบอกได้
  • เข้าใจการอ่านหนังสือว่าต้องอ่านจากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง
  • เขียนตัวอักษรและตัวเลขบางตัวได้
  • จำคำที่คุ้นเคยได้
  • ทำนายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปในเรื่องที่อ่านได้
  • เล่าเรื่องจากเรื่องที่เราเคยอ่านให้พวกเขาฟังได้
วัยประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 (อายุ 6 – 7 ปี)
  • เด็กมักจะเริ่ม : อ่านเรื่องที่คุ้นเคยได้
  • ใช้การอ่านออกเสียงหรือแปลคำที่ไม่คุ้นเคยได้
  • ใช้รูปภาพและบริบทของรูปภาพในการเดาคำที่ไม่รู้จัก
  • มีการใช้เครื่องหมายวรรคตอนและมีการเขียนด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่
  • เชื่อมั่นว่าตนเองถูกต้องเมื่อพวกเขาอ่านออกเสียงคำผิด
  • แสดงความเข้าใจเรื่องราวผ่านการวาดภาพ
วัยประถมศึกษาปีที่ 2 และ 3 (อายุ 7 – 8 ปี)
  • เด็กมักจะเริ่ม : อ่านหนังสือที่มีเนื้อหายาวๆ ได้อย่างอิสระ
  • อ่านออกเสียงโดยมีการเน้นเสียและใช้น้ำเสียงแสดงอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม
  • ใช้เนื้อหาบรรยายภาพและรูปภาพในการช่วยระบุคำที่ไม่คุ้นเคย
  • สรุปใจความในย่อหน้าและเริ่มใช้การเขียนสรุปใจความ
  • ใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้ถูกต้อง
  • สะกดคำง่าย ๆ ได้ถูกต้อง
  • เขียนข้อความสั้น ๆ เช่น ข้อความในโทรศัพท์มือถือหรือ อีเมล์ได้
  • ชอบที่จะเล่นเกมส์ค้นหาคำ
  • มีการใช้คำ วลี คำอุปมาอุปไมยใหม่ ๆ ซึ่งเป็นคำที่พวกเขาเคยได้ยินมาก่อน
  • ปรับปรุงการเขียนได้ด้วยตนเอง
วัยประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 2 (อายุ 9 – 13 ปี)
  • เด็กมักจะเริ่ม : สำรวจและทำความเข้าใจบทความต่าง ๆ เช่น ชีวประวัติ บทกวี และนวนิยาย
  • เข้าใจและสามารถค้นหาข้อความที่เป็นการอธิบาย บรรยาย และข้อความที่โน้มน้าวใจได้
  • มีการอ่านเพื่อที่จะดึงข้อมูลที่สำคัญออกมาได้ เช่นการอ่านจากหนังสือวิทยาศาสตร์
  • ระบุส่วนประกอบของคำเช่นคำนาม คำสรรพนาม คำเปรียบเทียบอุปมาอุปไมย ได้
  • ระบุองค์ประกอบที่สำคัญของเรื่องราวที่อ่านได้ เช่น เวลา สถานที่ เนื้อหาโดยย่อ ปัญหาที่
  • เกิดขึ้น และบทสรุปของเรื่อง
  • อ่านและเขียนจากข้อความที่กำหนดให้และทำความเข้าใจกับบทความว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
  • วิเคราะห์ความหมายของบทความ


READING
โดย มณฑิกา รัตนเรืองศิลป์ (นักกิจกรรมบำบัดประจำศูนย์ฯ)
การฝึกการทรงตัวสามารถช่วยเด็กให้เกิดการเรียนรู้การอ่านได้อย่างไร
การฝึกการทรงตัวเป็นวิธีการหนึ่งที่นำมาใช้ในการช่วยเหลือเด็กที่มีความ บกพร่องทางการอ่าน เนื่องมาจากระบบการทรงตัวหรือ Vestibular เป็นองค์ประกอบหลักในกระบวนการทางสมองเกี่ยวกับการพูด และการบูรณาการประสาทรับความรู้สึก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการฝึกการทรงตัว
นอกจากนี้มีการวิจัยเมื่อ10 ปีที่แล้วแสดงให้เราเห็นว่าไม่มีทางใดที่ดีที่สุดในการสอนให้เด็กมีทักษะใน การอ่านออกเขียนได้ การฝึกการทรงตัวเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่นำมาใช้ร่วมกันกับการฝึกพื้นฐานการ อ่านออกเสียงด้วยกระบวนการสอนแบบธรรมชาติ เด็กได้ทักษะในการนึกคำและใช้การออกเสียงพยัญชนะและคำเป็นทักษะที่ช่วยให้ เด็กเข้าใจคำที่พวกเขาอ่าน การฝึกการทรงตัวเป็นเพียงเทคนิคการสอนการอ่านที่สามารถช่วยให้เด็กมีทักษะ ที่จำเป็นในการอ่านได้ดีขึ้น
กิจกรรมฝึกการทรงตัว
1.ให้เด็กยืนบนกระดานทรงตัว แล้วถือตระกร้ารับลูกบอล หรือถือไม้ตีลูกบอลที่โยนมา
2.ให้เด็กยืนหรือนั่งบนชิงช้าหยิบของที่วางด้านบนลงมาใส่ในตระกร้า
3.ให้เด็กนั่งบนลูกบอลเอื้อมหยิบห่วงทางด้านซ้ายไปใส่หลักทางด้านขวา
4.ให้เด็กเดินทรงตัวบนสะพานทรงตัวเริ่มจากทางตรง เป็นทางซิกแซก เดินข้ามสิ่งกีดขวาง หรือเดินไปแล้วก้มเก็บของระหว่างทางบนสะพานทรงตัว

READING
โดย มณฑิกา รัตนเรืองศิลป์ (นักกิจกรรมบำบัดประจำศูนย์ฯ)
จะทำให้เด็กเรียนรู้ที่จะอ่านได้อย่างไร
การอ่านออกเสียงและการสะกดคำ (Phonics)
การอ่านออกเสียงและการสะกดคำ เป็นกระบวนการสอนให้เด็กออกเสียงสะกดคำในการอ่านและการเขียนหนังสือ การอ่านสะกดคำนั้นคือ การสอนให้เด็กเชื่อมโยงเสียงจากการสะกดให้เข้ากับตัวอักษรในแต่ละตัว เพื่อให้เด็กเกิดความเข้าใจและนึกภาพตาม และสอนให้เด็กผสมเสียงตัวอักษรเข้าด้วยกันในการอ่านคำที่เด็กไม่เคยรู้จักมา ก่อน การอ่านสะกดคำเป็นกระบวนการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการสอนให้เด็กอ่านและ แปลคำศัพท์ เด็กเริ่มที่จะเรียนรู้การอ่านและใช้การอ่านสะกดคำเมื่อเด็กอายุประมาณ 5 – 6 ปี การสอนให้เด็กอ่านภาษาอังกฤษจะต้องใช้การสะกดคำเป็นสำคัญเพื่อให้เด็กเรียน รู้โดยการเชื่อมโยงรูปแบบตัวอักษรกับเสียงที่เปล่งออกมา
หลักการทางภาษา
จากหลักการทางภาษาศาสตร์ การอ่านสะกดคำในภาษาอังกฤษต้องอาศัยพื้นฐานของหลักการทางภาษา
การที่จะเขียนคำได้จะต้องมีการอ่านออกเสียงสะกดคำแยกเป็นตัว ๆ ก่อน เช่นคำว่า pat จะต้องมีการสะกดส่วนประกอบของคำเป็นพยัญชนะทั้งหมด 3 ตัว คือ p , a และ t เป็นต้น การสะกดคำมีความแตกต่างกันในแต่ละภาษาเช่น ในสเปน การสะกดตัวอักษรจะต้องมีความสอดคล้องกันระหว่างเสียงที่เปล่งกับรูปแบบตัว อักษรที่เป็น ตัวอักษร 1 ตัวมีได้เพียง 1 เสียงเท่านั้น แต่ภาษาอังกฤษไม่เป็นเช่นนั้น ภาษาอังกฤษจะมีการสะกดคำที่ซับซ้อนกว่า เพราะจะมีการออกเสียงของตัวอักษรมากกว่า 40 เสียง แต่มีรูปแบบของตัวอักษรแค่ 26 ตัวเท่านั้น เนื่องมาจากว่าในภาษาอังกฤษจะมีการรวมตัวอักษร 2 ตัวเข้าด้วยกัน แต่การอ่านออกเสียงจะออกเสียงเป็นเพียงเสียงเดียว เช่น t กับ h เมื่อนำมาวางใกล้กันก็จะออกมาเป็นเสียง th เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น