หลังโรงเรียนเปิดได้ประมาณ
๒๐ วัน วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ผมเดินทางไปดูเด็ก ๆ อนุบาลอ่านหนังสือได้จริงเหมือน
พอไปถึงเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆกำลังจะไปทานอาหาร ส่วนเรา...เราหมายถึงผม(Dekvijai LP)กับอาจารย์อีกท่าน(ผศ.ศุภศักดิ์ ลิ้มปิติ) ได้การต้อนรับอย่างดีจากคุณครูหลายท่าน
และ ท่าน ผ.อ.สุดใจ อินทน้อย พอนั่งล้อมวง
ทักทายและแนะนำตัวกันพอหอมปากหอมคอ
ก็เริ่มถกกันอย่างสนุกได้อรรถรสในเรื่องของการอ่านหนังสือของเด็กตลอดหนึ่ง
ปีกว่าที่ผ่านมาว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างและจะเดินหน้าต่อยังไงให้
ดีกว่าเดิม
และการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองจะทำยังไงกันต่อ
พอเด็กๆทานข้าวกันเสร็จก่อนนอนกลางวัน ครูก็ให้เด็กๆบางคนมาอ่านหนังสือให้ฟัง หนังสือก็เป็นหนังสือทำมือมีอยู่หลายเล่ม ครูถามว่าใครอยากจะมาอ่านหนังสือให้ฟังบ้าง น้องเจ๋ง เดินไปแล้วก็เลือกหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มมาอ่านให้ฟัง ขณะเดียวกันมีนักเรียนชั้น ป.๑ เดินเข้าห้องมากลุ่มหนึ่ง ต่อท้ายน้องเจ๋ง แล้วบอกว่ามาอ่านหนังสือให้ฟัง คุณครูบอกว่ากลุ่มนี้คือกลุ่มที่ผ่านกระบวนการมาในปีการศึกษาที่ผ่านมาแล้วก็นั่งยิ้มดูเด็กๆอ่านหนังสือทีละคนจนจบบางคนมีมาขอต่อรอบสองบางคนมีรอบสามแต่โดนสกัดจากครูเสียก่อน มีเด็กคนหนึ่งเป็นเด็กที่เพิ่งเข้าเรียนปีนี้(น้อง...)ยังไม่เคยผ่านกระบวนมาเลย เดินถือหนังสือมาต่อแถวพร้อมจะอ่านด้วยคน...
พอเด็กๆทานข้าวกันเสร็จก่อนนอนกลางวัน ครูก็ให้เด็กๆบางคนมาอ่านหนังสือให้ฟัง หนังสือก็เป็นหนังสือทำมือมีอยู่หลายเล่ม ครูถามว่าใครอยากจะมาอ่านหนังสือให้ฟังบ้าง น้องเจ๋ง เดินไปแล้วก็เลือกหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มมาอ่านให้ฟัง ขณะเดียวกันมีนักเรียนชั้น ป.๑ เดินเข้าห้องมากลุ่มหนึ่ง ต่อท้ายน้องเจ๋ง แล้วบอกว่ามาอ่านหนังสือให้ฟัง คุณครูบอกว่ากลุ่มนี้คือกลุ่มที่ผ่านกระบวนการมาในปีการศึกษาที่ผ่านมาแล้วก็นั่งยิ้มดูเด็กๆอ่านหนังสือทีละคนจนจบบางคนมีมาขอต่อรอบสองบางคนมีรอบสามแต่โดนสกัดจากครูเสียก่อน มีเด็กคนหนึ่งเป็นเด็กที่เพิ่งเข้าเรียนปีนี้(น้อง...)ยังไม่เคยผ่านกระบวนมาเลย เดินถือหนังสือมาต่อแถวพร้อมจะอ่านด้วยคน...
พอ
อ่านกันทุกคนแล้วก็ได้เวลาทานอาหารพอดีระหว่างทานอาหารเด็กๆก็เริ่มหลับกัน
แล้วได้ยินเสียงผู้ปกครองเริ่มทยอยมากันเป็นระยะไม่นานผู้ปกครองก็พร้อม
ก็ได้เริ่มถามผู้ปกครองนักเรียนว่ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกหลานของท่าน
บ้าง
หลังจากนั้นหลายๆคนก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังแต่มีเรื่องหนึ่งที่ทุก
คนเล่าเหมือนกันทุกคนคือ
พอเด็กๆกลับบ้านก็จะเรียก ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่
มาให้นั่งฟังเขาอ่านหนังสือที่ยืมมาจากโรงเรียน
ผู้ปกครองก็จะเล่าด้วยหน้าตาเบิกบาน อีกท่านหนึ่งเล่าว่า
วันหนึ่งไฟดับเด็กกำลังอ่านหนังสือให้ฟังอยู่ก็บอกผู้ปกครองว่า “เอาไฟฉายมาส่องให้หน่อยจะอ่านให้จบ”
ผู้ปกครองคนหนึ่งมารับนักเรียนกลับบ้านครูไม่อยู่ นั่งรอเป็นชั่วโมงไม่กลับครูมาเจอก็ถามว่าทำไมไม่กลับ
ก็น้องเตริก ร้องงอแงไม่ยอมกลับถ้าไม่ได้หนังสือไปอ่าน อีกคนผู้ปกครองน้องน้ำ น้องน้ำขาด
เรียนหลายวันก็ยังไม่มาเรียนซักทีแต่ส่งผู้ปกครองมาว่า
ขอหนังสือเอาไปอ่านที่บ้านหน่อย
งอแงให้มาเอาและยังมีอีกหลายตัวอย่างที่ทำให้เป็นพฤติกรรมบางอย่างที่
เปลี่ยนไปของลูกหลานสุดท้ายผู้ปกครองเองก็เข้าใจว่าไม่ใช่แค่เด็กที่จะต้อง
อ่านหนังสือผู้ปกครองก็ต้องทำอะไรบ้างให้ลูกหลานได้ดีกว่านี้เพราะนี้เป็น
วัยที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ของเด็กๆได้รู้ว่าโอกาสทองของเด็กๆมาถึงแล้วและ
มีไม่มาก
จึงเอ่ยปากกับครู
ว่าให้สอนทำสื่อหรือให้ทำอะไรได้บ้างซักเดือนละครั้งก็ยังดี
มาถึงตรงนี้เราเห็น
ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ร่วมมือกันแล้ว
ผมว่าเป็นอีกโอกาสทองเหมือนกันที่จะก้าวไปพร้อมๆกันกับเด็กๆกระบวนการเรียน
การสอนก็พัฒนาโรงเรียนก็ต้องทำงานเป็นทีมมากขึ้น
ผู้ปกครองให้ความร่วมมือ
ไม่ใช่แค่มองดูการเติบโตของเขาแต่เราจะเติบโตไปพร้อมกันและผมเองก็เชื่อว่า
ที่
โรงเรียนประชารักษ์ศึกษาจะเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ในเวลาอันใกล้นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น