วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กระบวนการอ่านที่โรงเรียนประชารักษ์ศึกษาจังหวัดกำแพงเพชร




หลังโรงเรียนเปิดได้ประมาณ ๒๐ วัน วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ผมเดินทางไปดูเด็ก ๆ อนุบาลอ่านหนังสือได้จริงเหมือน พอไปถึงเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆกำลังจะไปทานอาหาร ส่วนเรา...เราหมายถึงผม(Dekvijai LP)กับอาจารย์อีกท่าน(ผศ.ศุภศักดิ์ ลิ้มปิติ) ได้การต้อนรับอย่างดีจากคุณครูหลายท่าน และ ท่าน ผ.อ.สุดใจ อินทน้อย พอนั่งล้อมวง ทักทายและแนะนำตัวกันพอหอมปากหอมคอ ก็เริ่มถกกันอย่างสนุกได้อรรถรสในเรื่องของการอ่านหนังสือของเด็กตลอดหนึ่ง ปีกว่าที่ผ่านมาว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างและจะเดินหน้าต่อยังไงให้ ดีกว่าเดิม และการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองจะทำยังไงกันต่อ
     พอเด็กๆทานข้าวกันเสร็จก่อนนอนกลางวัน ครูก็ให้เด็กๆบางคนมาอ่านหนังสือให้ฟัง  หนังสือก็เป็นหนังสือทำมือมีอยู่หลายเล่ม ครูถามว่าใครอยากจะมาอ่านหนังสือให้ฟังบ้าง น้องเจ๋ง เดินไปแล้วก็เลือกหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มมาอ่านให้ฟัง ขณะเดียวกันมีนักเรียนชั้น ป.๑ เดินเข้าห้องมากลุ่มหนึ่ง ต่อท้ายน้องเจ๋ง แล้วบอกว่ามาอ่านหนังสือให้ฟัง คุณครูบอกว่ากลุ่มนี้คือกลุ่มที่ผ่านกระบวนการมาในปีการศึกษาที่ผ่านมาแล้วก็นั่งยิ้มดูเด็กๆอ่านหนังสือทีละคนจนจบบางคนมีมาขอต่อรอบสองบางคนมีรอบสามแต่โดนสกัดจากครูเสียก่อน มีเด็กคนหนึ่งเป็นเด็กที่เพิ่งเข้าเรียนปีนี้(น้อง...)ยังไม่เคยผ่านกระบวนมาเลย เดินถือหนังสือมาต่อแถวพร้อมจะอ่านด้วยคน...
พอ อ่านกันทุกคนแล้วก็ได้เวลาทานอาหารพอดีระหว่างทานอาหารเด็กๆก็เริ่มหลับกัน แล้วได้ยินเสียงผู้ปกครองเริ่มทยอยมากันเป็นระยะไม่นานผู้ปกครองก็พร้อม ก็ได้เริ่มถามผู้ปกครองนักเรียนว่ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกหลานของท่าน บ้าง หลังจากนั้นหลายๆคนก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังแต่มีเรื่องหนึ่งที่ทุก คนเล่าเหมือนกันทุกคนคือ พอเด็กๆกลับบ้านก็จะเรียก ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ มาให้นั่งฟังเขาอ่านหนังสือที่ยืมมาจากโรงเรียน ผู้ปกครองก็จะเล่าด้วยหน้าตาเบิกบาน  อีกท่านหนึ่งเล่าว่า วันหนึ่งไฟดับเด็กกำลังอ่านหนังสือให้ฟังอยู่ก็บอกผู้ปกครองว่า “เอาไฟฉายมาส่องให้หน่อยจะอ่านให้จบ” ผู้ปกครองคนหนึ่งมารับนักเรียนกลับบ้านครูไม่อยู่ นั่งรอเป็นชั่วโมงไม่กลับครูมาเจอก็ถามว่าทำไมไม่กลับ ก็น้องเตริก ร้องงอแงไม่ยอมกลับถ้าไม่ได้หนังสือไปอ่าน  อีกคนผู้ปกครองน้องน้ำ น้องน้ำขาด เรียนหลายวันก็ยังไม่มาเรียนซักทีแต่ส่งผู้ปกครองมาว่า ขอหนังสือเอาไปอ่านที่บ้านหน่อย งอแงให้มาเอาและยังมีอีกหลายตัวอย่างที่ทำให้เป็นพฤติกรรมบางอย่างที่ เปลี่ยนไปของลูกหลานสุดท้ายผู้ปกครองเองก็เข้าใจว่าไม่ใช่แค่เด็กที่จะต้อง อ่านหนังสือผู้ปกครองก็ต้องทำอะไรบ้างให้ลูกหลานได้ดีกว่านี้เพราะนี้เป็น วัยที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ของเด็กๆได้รู้ว่าโอกาสทองของเด็กๆมาถึงแล้วและ มีไม่มาก จึงเอ่ยปากกับครู ว่าให้สอนทำสื่อหรือให้ทำอะไรได้บ้างซักเดือนละครั้งก็ยังดี มาถึงตรงนี้เราเห็น ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ร่วมมือกันแล้ว ผมว่าเป็นอีกโอกาสทองเหมือนกันที่จะก้าวไปพร้อมๆกันกับเด็กๆกระบวนการเรียน การสอนก็พัฒนาโรงเรียนก็ต้องทำงานเป็นทีมมากขึ้น ผู้ปกครองให้ความร่วมมือ ไม่ใช่แค่มองดูการเติบโตของเขาแต่เราจะเติบโตไปพร้อมกันและผมเองก็เชื่อว่า ที่ โรงเรียนประชารักษ์ศึกษาจะเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ในเวลาอันใกล้นี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น